คณะกรรมการโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ปฏิบัติงาน 3 ชุด เดินหน้าหารือ แนวทางลดหย่อนภาษี หากผู้ซื้อเป็นบริษัทฯ หรือห้างหุ้นส่วนที่ซื้อเพื่อเป็นการบริจาคให้ชุมชน จะได้รับการยกเว้นภาษี 2 เท่าจากจำนวนวงเงินที่ซื้อ
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนและประชาชนทั่วไป ว่า หลังจากที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดทำโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนและประชาชนทั่วไป ที่มีปลัดกระทรวงไอซีที เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกกระทรวงไอซีทีร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ทำหน้าที่ศึกษาและกำหนดแนวทางการดำเนินงานแล้วนั้น คณะกรรมการชุดนี้จึงได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามความเหมาะสม จำนวน 3 ชุด คือ ชุดที่ 1 คณะทำงานด้านพัฒนาชุมชนเพื่อส่งเสริมการใช้สินค้าไอซีที ชุดที่ 2 คณะทำงานด้านมาตรการภาษีสำหรับสินค้าไอซีทีเพื่อชุมชนและประชาชนทั่วไป ชุดที่ 3 คณะทำงานด้านแหล่งเงินทุน และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับสินค้าไอซีทีเพื่อชุมชนและประชาชนทั่วไป
คณะทำงานทั้ง 3 ชุดได้มีการประชุมหารือพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์โครงการฯ โดยได้มีการหารือในเรื่องเกี่ยวกับ แนวทางการหักลดหย่อนภาษีสำหรับนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดาผู้บริจาคคอมพิวเตอร์ให้ชุมชน สำหรับผู้ซื้อที่เป็นบริษัทฯ หรือห้างหุ้นส่วนที่ต้องการซื้อเพื่อเป็นการบริจาคอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่ชุมชนต่างๆ จะได้รับการยกเว้นภาษี 2 เท่าจากจำนวนวงเงินที่ซื้อ โดยการขอคืนภาษีเป็นไปตามกำหนดของกรมสรรพากรโดยจะต้องเตรียมข้อมูลสำคัญ คือจะต้องมีการรับรองทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาค
โดยกระทรวงฯ ต้องระบุผู้ที่จะรับการบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ชัดเจน หากเป็นชุมชน เช่น ศูนย์ไอซีทีชุมชน ต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงฯ เพื่อให้กรมสรรพากรสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ นอกจากนั้นต้องมีการสำรวจความต้องการของผู้รับบริจาคและผู้บริจาคที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ว่ามากน้อยเพียงใด เพื่อให้เกิดประโยชน์เต็มที่ทั้งภาคประชาชน และผู้ประกอบการ
“กระทรวงฯ จะต้องกำหนดแผนการดำเนินงาน ระยะเวลาที่ต้องเตรียมข้อเสนอให้กรมสรรพากรพิจารณา เพื่อนำกฎหมายที่ปรับปรุงการหักลดหย่อน เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ความเห็นชอบ ก่อนการประกาศใช้ ซึ่งควรที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จไม่เกินเดือนกันยายน-ตุลาคม 2552 เพื่อให้บังคับใช้ได้ในปีภาษี 2552” นายสือ กล่าว
นอกจากนี้คณะทำงานยังได้มีการวางแนวทางการจัดทำราคาบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพ่วงไปกับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเสนอให้จัดทำเป็นโปรโมชันของแต่ละบริษัทเพื่อให้ลูกค้าเลือกพร้อมกับการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้มอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการแบ่งพื้นที่ให้บริการ และรายละเอียดการกำหนดโปรโมชัน เพื่อจัดทำโปรโมชันพิเศษสำหรับโครงการฯ นี้
พร้อมกันนี้ยังมีการวางแนวทางให้การสนับสนุนด้านการเงิน ให้แก่ผู้ซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม โดยผู้แทนจากธนาคารต่าง ๆ อาทิ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีการจัดทำรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการขอสนับสนุนด้านการเงิน (สินเชื่อ) โดยจะกำหนดดอกเบี้ยในอัตราพิเศษเฉพาะโครงการฯ และกำหนดขั้นตอนการขออนุมัติสินเชื่อ เนื่องจากการอนุมัติสินเชื่อขึ้นอยู่กับหลักฐานและคุณสมบัติของลูกค้าเอง ส่วนแนวทางและหลักเกณฑ์ต่างๆ ของโครงการฯ ที่คณะทำงานฯ ทั้ง 3 ด้าน ได้ร่วมกันกำหนดไว้นี้ จะมีการนำไปหารือในการประชุมคณะกรรมการเพื่อจัดทำโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อชุมชนและประชาชนทั่วไป ก่อนนำไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของโครงการต่อไป
ที่มา: manager.co.th