Author Topic: แคมเปญผ่าวิกฤติ คิด 2 เด้งแบบเอชพี ลูกค้าประหยัด/องค์กรรอด  (Read 861 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Reporter

  • Moderator
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1093
  • Karma: +8/-0
  • Gender: Male
    • ซ่อมคอมเชียงใหม่

ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ จะให้องค์กรสร้างรายได้เพิ่มคงเป็นเรื่องยากลำบาก ดังนั้นสูตรสำเร็จที่องค์กรส่วนใหญ่มองความในช่วงเวลาวิกฤติ คือการลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจากทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ซึ่งผู้ผลิตสินค้าไอที อย่างเอชพี มองเห็นโอกาสทางการตลาดในจุดนี้ และได้พยายามนำสินค้า และบริการที่มีอยู่มาผนวกรวมเป็นโซลูชัน นัยหนึ่งก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย และก็เป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ผลิตเองในการขยายตลาดออกไปในช่วงที่กำลังซื้อตลาดลดลง


ซึ่ง "ฐานเศรษฐกิจ"ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจภาพ และการพิมพ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด ประเทศไทย จำกัด หรือ เอชพี ที่จัดแคมเปญผ่าวิกฤติ "When Everything Counts.....Counts on HP" เพื่อเป็นทางเลือกให้กับองค์กรในการลดค่าใช้จ่ายทางด้านการพิมพ์


++เปิดแนวคิดเทคโนโลยีผ่าวิกฤติ


"สมชัย สูงสว่าง" เริ่มต้นอธิบายถึงที่มาที่ไปของการจัดแคมเปญผ่าวิกฤติ "When Everything Counts.....Counts on HP" โดยชี้ให้เห็นว่าในช่วงวิกฤติทางเศรษฐกิจนั้นองค์กรขนาดใหญ่ รวมไปถึงธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มบี ต่างคิดหาวิธีการลดค่าใช้จ่าย นอกเหนือจากนั้นคือการวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของบริษัทวิจัยตลาดไอที อย่างการ์ดเนอร์กรุ๊ป ที่ทำการสำรวจความเห็นของผู้บริหารระดับซีอีโอทั่วโลก ถึงสิ่งที่ซีอีโอให้ความสำคัญเพื่อรับมือกับวิกฤติทางเศรษฐกิจ โดย 3 อันดับแรกที่ซีอีโอ ให้ความสำคัญ คือ 1.การปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, 2. การลดค่าใช้จ่าย และ 3.เพิ่มความสามารถของบุคลากร


และจากการวิจัยพบว่าค่าใช้จ่ายด้านการพิมพ์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของรายได้ ทำให้องค์กรเริ่มมองหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลดลงมา โดยจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเครื่องพิมพ์ของพนักงานหรือไม่ หรือ จะต้องปรับปรุงระบบอย่างไรให้มีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น สามารถรองรับกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ


++ชูแพ็กเกจเช่าใช้-ประหยัดพลังงาน


ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ หรือ ไอพีจี ที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการธุรกิจ จึงได้จัดแคมเปญช่วยลูกค้าบริหารจัดการงานพิมพ์เพื่อลดค่าใช้จ่ายองค์กร โดยผนวกรวมสินค้าในธุรกิจไอพีจี กลุ่มธุรกิจบริการ กลุ่มการเงิน (ไฟแนนเชียล) จัดเป็นโซลูชัน เพื่อตอบสนองกับองค์กรขนาดใหญ่ ภายใต้บริการ Managed Print Service ซึ่งเป็นการนำเสนอสัญญาบริการที่มีความยืดหยุ่นลูกค้าสามารถเลือกได้ตลาดต้องการหรือความเหมาะสมทางธุรกิจ โดยบริการจะครอบคลุมตั้งแต่ บริการตรวจสอบภาวะแวดล้อมการพิมพ์ขององค์กร พร้อมกับบริการคำปรึกษาในการออกแบบระบบการพิมพ์ในองค์กรให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ , ผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์สำหรับลูกค้าองค์กร , ซอฟต์แวร์ระบบงานบริหารจัดการการพิมพ์เอกสารในองค์กร หมึกพิมพ์ และการให้บริการหลังการขาย


นอกจากนี้แพ็กเกจที่นำเสนอยังครอบคลุมบริการเลือกผ่อนชำระ โดยอาจจ่ายค่าเช่ารายเดือน หรือ ใช้งานไปแล้ว 12 เดือนจ่ายเงินเดือนที่ 13 ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นการแปลงค่าใช้จ่ายสินทรัพย์เป็นรายจ่ายในการดำเนินงานประจำเดือน ผลที่ได้คือลูกค้าไม่ต้องลงทุนเงินก้อนโต สามารถปรับปรุงกระแสเงินสดได้ดีขึ้น อีกทั้งยังค่าเช่ารายเดือนไปหักภาษีประจำปีได้ ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ที่เอชพีนำเสนอยังอยู่ภายใต้แนวคิด เทคโนโลยีสีเขียว ประหยัดพลังงาน และสามารถช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายการพิมพ์ทั้งหมดได้ประมาณ 30% อีกทั้งการนำเสนอบริการดังกล่าวนั้นยังช่วยให้ซีอีโอ สามารถมองเห็นต้นทุน หรือ


คอสต์ในการพิมพ์ขององค์กรทั้งหมด จากเดิมเห็นเพียงแค่ค่าเครื่องพิมพ์ หมึกพิมพ์ และค่ากระดาษ


สำหรับในส่วนของลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและเล็กนั้น ได้นำเสนอบริการเช่าใช้เครื่องพิมพ์ออฟฟิศเจ็ต โดยที่ลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าเครื่อง โดยเสียค่าหมึกพิมพ์ 2 ตลับเดือนละ 2,000 บาท ภายหลังครบสัญญา 1 ปี เครื่องตกเป็นของลูกค้า หรือ ลูกค้าสามารถเลือกว่าจะเช่าต่อ โดยเสียค่าหมึกในราคาที่ถูกลง หรือลูกค้าอาจขอเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่เลยก็ได้ตามความต้องการ ซึ่งภายใต้บริการดังกล่าวลูกค้าไม่ต้องจ่ายเงินก้อน สามารถบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำเข้าเช่ารายเดือนไปหักภาษี อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายการพิมพ์ได้ 50% และยังเป็นเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ 50%


++ตั้งเป้าขยับแชร์ 20% สวนภาวะตลาดหด


นายสมชัย กล่าวอีกว่า ปีนี้เราค่อนข้างทุ่มงบประมาณไปยังตลาดองค์กร ทั้งองค์กรขนาดใหญ่ และกลุ่มเอสเอ็มบี เพราะมีแนวโน้มการเติบโตสูง เนื่องจากต้องการปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพ ส่วนคอนซูเมอร์นั้นการเติบโตขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าหลังจากที่มีการจัดแคมเปญดังกล่าวออกไป จะช่วยให้เรามียอดการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากเดิมเครื่องพิมพ์ของเอชพีมีส่วนแบ่งในองค์กรขนาดใหญ่ และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก 40% ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าที่เริ่มเข้ามาใช้บริการ Managed Print Service แล้วประมาณ 40 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติ ที่บริษัทแม่ใช้บริการอยู่ โดยครอบคลุมทั้งบริษัทผลิตรถยนต์ ค้าปลีก อาหาร โรงงาน และโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีแผนจัดงานสัมมนาให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สนใจ เพื่อให้เห็นบริการอย่างเป็นรูปธรรมในวันที่ 28 เมษายนนี้ ส่วนบริการเช่าใช้เครื่องพิมพ์ออฟฟิศเจ็ต โดยที่ลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าเครื่อง สำหรับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มบีนั้นจะร่วมกับคู่ค้าช่องทางจำหน่าย 5 ราย นำเสนอบริการออกสู่ตลาด


"ภาวะที่ตลาดไม่มีการเติบโตแบบนี้ หรืออาจเติบโตเพียงตัวเลขเดียว ถ้าเราไม่ทำอะไรเราอาจไม่มียอดการเติบโต ซึ่งเราเชื่อว่าแคมเปญที่จัดออกไป จะตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และผลักดันให้เรามียอดการเติบโตขึ้น 20% ซึ่งการเติบโตในภาวะเช่นนี้เท่ากับว่าเราอาจขยายเข้าไปในตลาดใหม่ หรือ เข้าไปกินมาร์เก็ตแชร์ของคู่แข่ง"

ที่มา: thannews.th.com




 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)