“กีต้าร์” วอนทั้งน้ำตาขอทุกฝ่ายช่วยเหลือตามหารถคืนพ่อแม่ หลังโจรมายกเค้าบ้าน ขโมยข้าวของมีค่าและรถ ทำสูญทรัพย์สินเป็นล้าน เผยรถคันนี้มีค่าต่อความรู้สึกพ่อแม่ เพราะเก็บหอมรอมริบซื้อเอง ปัดสงสัยใครเป็นพิเศษ เชื่อโจรคอยจ้องหาจังหวะอยู่แล้ว
โชคร้ายส่งท้ายปีอีกคน สำหรับดาราสาว “กีต้าร์ ศิริพิชญ์” ที่เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (14 พ.ย.) ได้ควงสามี “เตอร์ ปริยะ วิมลโนช” มาวิงวอนทั้งน้ำตากับสื่อมวลชนที่งาน อีเอฟเอ็ม เฟสติวัล ณ ลานราชประสงค์ เออร์เบิร์น สเปซ จากสาเหตุที่บ้านของพ่อกับแม่ที่อาศัยอยู่ที่ อ.เมือง ต.โคกหม้อ จ.ราชบุรี ถูกกลุ่มโจรยกเค้าได้ทรัพย์สินไปรวมทั้งสิ้นล้านกว่าบาท แต่สาว “กีต้าร์” เผยว่ายังโชคดีที่ขณะนั้นพ่อกับแม่ของตนไม่ได้อยู่บ้าน เพราะขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ พอดี และตอนนี้พ่อกับแม่ได้ไปแจ้งความไว้ที่สน.จังหวัดราชบุรีเรียบร้อยแล้ว
“เมื่อคืนตอนประมาณตี 3 ครึ่ง คุณพ่อกับคุณแม่โทรมาที่บ้านแล้วบอกว่า ที่บ้านถูกขโมยขึ้น คุณแม่ก็ร้องไห้ เพราะคุณแม่กับคุณพ่อก็อายุเยอะแล้ว คุณพ่อ 63 คุณแม่ก็ 58 แล้ว ท่านก็ตกใจเพราะท่านอยู่บ้านนี้มานานมากแล้ว และท่านก็ขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ พอเสร็จก็กลับบ้านไปประมาณตี 2 กว่าๆ เกือบตี 3 พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นกุญแจบ้านตกอยู่ ประตูก็แง้มๆ อยู่ พอมองไปที่บ้านก็ไม่เห็นรถ เขาก็ตกใจว่าทำไมบ้านถึงไม่มีรถ ก็รีบวิ่งเข้าไปปรากฏว่ารถหาย”
“พอเข้าไปดูในบ้านของก็กระจุยกระจายหมดเลยค่ะ โทรทัศน์ที่เป็นจอพลาสม่าก็หายไปประมาณ 2-3 เครื่อง แล้วก็มีคอมพิวเตอร์กับเงินสด บัตรเครดิตต่างๆ ทั้งหมด ระหว่างที่เขาโทรมาเล่าก็คือร้องไห้ตลอด ก็ต้องเข้าใจว่าคนต่างจังหวัดค่ะ แล้วแถวบ้านก็เป็นบ้านติดถนนใหญ่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น แล้วรถคันนี้ก็เป็นรถที่เขารักมากและใช้มานานแล้ว เป็นรถอีซูซุ มิวเซเว่น สีบรอนซ์-เทา ทะเบียน ษศ 4989 ก็หายไป”
“ทั้งหมดที่หายไปก็น่าจะประมาณล้านกว่าๆ แต่มันสำคัญที่เขาก็ไม่มีรถใช้แล้ว จะไปแจ้งความเขาก็ไม่รู้จะไปสถานีตำรวจยังไง ต้องให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างตอนตี 3-4 ไปที่สถานีตำรวจ ต้าร์ก็อยากให้เขาได้ของคืน เพราะสงสาร(เสียงสั่น) คือเวลาพ่อแม่โทรมาร้องไห้กับเรา เขาก็กลัวว่าจะไม่ได้รถคืน ซึ่งตอนที่เขาโทรมาเราก็ตกใจ เพราะเขาไม่มีที่พึ่งที่ไหนนอกจากเรา แล้วลูกๆ ก็อยู่ที่กรุงเทพฯหมดเลย ไม่มีใครที่สามารถไปตอนนั้นได้”
“ต้าร์ก็เลยบอกว่าใจเย็นๆ ตอนเช้าจะช่วยหาทางให้ ก็เลยรีบๆ โทรหาพี่ๆ นักข่าวให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้หน่อยว่า ถ้าเจอรถอีซูซุ มิวเซเว่น สีบรอนซ์-เทา ทะเบียน ษศ 4989 ก็ฝากติดตามให้หน่อยค่ะ แล้วก็อยากจะวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหารถให้หน่อย เพราะเห็นเคสกรณีพี่ตุ๊ก(จันจิรา จูแจ้ง) หรือหลายๆ คนที่พอหายแล้วก็ได้คืน ก็อยากจะวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่จส.100 หรือว่าทางศูนย์บรรเทาทุกข์ช่วยหาให้หน่อยค่ะ”
“ตอนนี้ต้าร์ก็ให้น้องสาวกับน้องชายไปคอยดูแลพ่อแม่แล้วค่ะ พอต้าร์เสร็จงานตอนเย็นๆ ก็จะรีบไปเลย แต่ที่โทรไปล่าสุดก็คือคุณแม่ก็ยังพูดไปแล้วก็มือสั่นไป เขาบอกว่าแม่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็มีแต่ลูกเท่านั้นที่จะสามารถช่วยพ่อกับแม่ได้ แต่เขาก็กลัวว่าโจรมันจะบุกมาทำร้ายเขาอีก ต้าร์ก็เลยปลอบใจเขาไปว่า ถ้าตอนนั้นแม่อยู่บ้านมันอาจจะทำร้ายแม่ก็ได้ถ้าขัดขืน แต่ทีนี้โจรก็จะดูสบายไป คือเห็นแม่เล่าให้ฟังว่าพัดลมตัวที่เขาจะเอาไปคงใส่รถไม่ได้แล้ว คือรถคงเอาขนของไปเต็มแล้ว ของบางอย่างที่ยังกองๆ ไว้พันสายไฟเตรียมจะเอาไปก็เลยเอาไปไม่ได้ ก็คงเหลือเท่าที่จะเอาไปได้”
ด้าน “เตอร์” เผยว่าเห็นใจพ่อตากับแม่ยาย เพราะเป็นรถคันที่รักมาก ถึงซื้อให้ใหม่ความรู้สึกก็ไม่เหมือนเก่า พร้อมวิงวอนทุกฝ่ายช่วยตามหา
เตอร์ : “เรารู้ข่าวพร้อมๆ กันครับ ต้าร์ปลุกผมบอกว่าที่บ้านขโมยขึ้น ผมก็งงว่าบ้านไหน เพราะมีหลายบ้านไม่รู้ว่าบ้านไหน เขาก็บอกว่าบ้านที่ราชบุรี ผมก็เลยถามว่าพ่อแม่เป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกพ่อแม่ไม่อยู่มาถึงก็มาเจอว่าบ้านขโมยขึ้น ผมก็ถามว่ามีอะไรหายบ้าง เขาก็บอกว่ารถ ผมก็ตกใจว่าเอารถไปเลยเหรอ ผมก็สงสารเขานะ แต่ไม่รู้จะปลอบยังไง ก็บอกให้เขาปลอบคุณแม่ก่อนดีกว่า ให้คุณแม่ทำใจดีๆ เพราะได้ยินเสียงลอดมาจากโทรศัพท์ว่าคุณแม่ร้องไห้”
“ก็เลยบอกให้ปลอบให้ทำใจดีๆ มันเป็นของนอกกาย ยังไงเราก็หาใหม่ได้ พ่อแม่ไม่เป็นอะไรก็โอเคแล้ว แต่ในความรู้สึกของผมคือ รถใหม่มันก็อาจจะซื้อใหม่ได้ แต่ความรู้สึกมันอาจจะไม่เหมือนกับรถเก่า เพราะเขารักรถคันนี้ ถึงเราจะหาคันใหม่ให้กับพ่อแม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้ความรู้สึกนั้นกลับคืนมา เพราะฉะนั้นผมรู้สึกว่า ถ้าได้รถเก่าคืนมามันก็จะดีกว่า ก็อยากจะวอนทุกๆ คนช่วยต้าร์นิดนึงครับ”
ต้าร์ : “ก็อยากจะขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ทุกคน จากคุณตำรวจด้วย (ยกมือไหว้) ให้ช่วยพ่อกับแม่หน่อย เพราะอยากให้ได้รถคืน(ร้องไห้) คือแม่ก็ไม่รู้จะเอาเงินจากไหนมาซื้อรถคันใหม่ ต้าร์ก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวต้าร์กับเตอร์และลูกๆ ทุกคนช่วยกัน เขาก็บอกว่าต้าร์กับเตอร์ก็มีครอบครัวแล้ว เขาก็ไม่อยากให้เป็นภาระ คือพ่อกับแม่ต้าร์ก็เป็นข้าราชการครู รถคันนี้เขาก็เก็บหอมรอมริบมา ซึ่งเขาก็คงยังไม่มีเงินพอที่จะไปซื้อใหม่ แล้วถ้าเกิดหายอีกล่ะ ของในบ้านก็หายทั้งหมด ก็เลยสงสารเขา ก็วอนพี่ๆ นักข่าวและตำรวจด้วยว่า ช่วยติดตามให้หน่อย ต้าร์ไม่ได้สงสัยใครนะคะ เพราะว่าปกติพ่อแม่อยู่บ้านสองคนไม่มีคนรับใช้อยู่แล้ว ก็คงจะเป็นคนที่รู้อยู่แล้วว่า วันไหนมีคนอยู่บ้านหรือไม่อยู่”
ที่มา: manager.co.th