หนู ปานชีวา ภรรยาบอล เชิญยิ้ม
“เมียบอล เชิญยิ้ม” เดือด! ย้ำไม่เคยเลิกตลกดัง แฉพฤติกรรมฝ่ายชายเจ้าชู้และชอบหายออกจากบ้าน แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรัง แต่ครั้งนี้รู้สึกกำลังจะถูกทิ้งจริงๆ เลยออกมาเรียกร้องขอเงินก้อนเป็นค่าเลี้ยงดูลูก และให้ตนเปิดร้านทำกิจการ เนื่องจากอยู่กันมา 15 ปีไม่เคยได้อะไรจากอีกฝ่ายเลย บอกถ้าตนได้เงินจะไปแต่งงานใหม่กับใครก็เชิญ แต่ถ้าไม่ได้ขู่ฟ้องร้องแน่
หลังจากที่ตลกชื่อดัง “บอล เชิญยิ้ม” หรือ “ชัชชัย จำเนียรกุล” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เตรียมแต่งงานใหม่กับแฟนสาวนอกวงการลูกครึ่งไทย-จีน-ญี่ปุ่น “ยูริ สุกานดา พุทธคุณรักษ์” ที่คบหากันมาร่วม 1 ปี โดยปฏิเสธทิ้งลูกเมียมาหาความสุขใส่ตัวเอง แต่เจ้าตัวกล่าวว่าได้เลิกรากับภรรยาเก่ามานานปีกว่าแล้ว และปัจจุบันยังคงส่งเสียเงินค่าเลี้ยงดูลูก 2 คนเป็นประจำทุกเดือน
จากนั้น “หนู ปานชีวา โพธิ์เกษม” ซึ่งเป็นภรรยาของ “บอล เชิญยิ้ม” ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้ทันทีว่า ยังไม่ได้เลิกรากับตลกชื่อดัง ซึ่งโดยปกติสามีมักออกจากบ้าน และหายไปเป็นระยะเวลาหลายเดือน บางครั้งนานเป็นปีอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็กลับมา จนลูกๆ เองยังชินกับพฤติกรรมดังกล่าวของพ่อ
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (11 พ.ย.) ภรรยาของหนุ่มบอลยังได้ไปออกรายการ “บอก 9 เล่า 10” ทางช่องโมเดิร์นไนน์ ที่มี 2 พิธีกรชื่อดังอย่าง “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” และ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” เป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมกับมี “นางจุฑาทิพย์ จำเนียรกุล” ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของตลกชื่อดัง และเป็นตัวแทนของฝ่ายชายมาร่วมรายการด้วย โดยพิธีกรได้เริ่มต้นคำถามแรก ถามเมียบอล เชิญยิ้มว่าที่ออกมาพูดเรียกร้องในครั้งนี้ เพราะต้องการทรัพย์สินของฝ่ายชายใช่หรือไม่ เจ้าตัวได้ตอบปฏิเสธ
“ถามว่าต้องการทรัพย์สินของบอลหรือเปล่า มันไม่ใช่ค่ะ ที่ออกมาวันนี้ก็เพื่อความอยู่รอด เพื่อลูก เพื่อศักดิ์ศรีของตัวหนูเอง ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิง เพราะที่ผ่านมาหนูยอมเขาทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะมีกี่คนๆ หนูยอมเขาทุกอย่าง จนอา(จุฑาทิพย์ จำเนียรกุล)ก็บอกว่าให้ทนนะ เพราะรู้ว่าผัวเราเป็นยังไง เราก็บอกว่ารู้ เราก็ทน พอทนเสร็จเขาก็เป็นแบบนี้ คือหายไปเป็นปีแล้วก็กลับมา พูดท่าโน้นท่านี้เป็นอย่างนี้บ่อยและทุกครั้ง ตัวหนูเองก็รู้ดี คนในหมู่บ้านรู้ดี หนูมีหลักฐานทุกอย่าง”
พิธีกรซักถามอาของตลกหนุ่มถึงความรับผิดชอบ “นางจุฑาทิพย์” ยืนยันว่ามีการส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ตลอด และไม่คิดทิ้งอีกฝ่ายแน่นอน ด้านสาวหนูบอกค่าเลี้ยงดูที่ฝ่ายชายให้มาเดือนละ 10,000 บาทไม่พอใช้
อา : “ถามว่าจะดูแลยังไง คือบอลเองจะโอนเงินให้อาตลอด แล้วเราก็จะโอนต่อให้เขา เราก็มีหลักฐานคือไม่ทิ้งอยู่แล้ว ยังไงก็ไม่ทิ้ง เพราะลูกสองคนของเขาก็เป็นลูกบอล วันนี้ก็เอาหลักฐานมา (หันไปถามภรรยาบอล) หนูจำได้ไหมว่าหนูเคยเซ็นไว้ อาถึงบอกว่าไม่อยากให้มาทำ เพราะมันเหมือนเป็นการทำร้ายผู้หญิงเหมือนกัน”
“ทางเราก็จะรับผิดชอบตามที่ได้เซ็นสัญญากันไป อาเองก็บอกตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า ไม่อยากให้มีเรื่องสัญญามาเกี่ยวข้องตรงนี้ แต่ถ้าเขาจะฟ้องก็แล้วแต่เขา เราก็เตือนเขาตลอดเวลาว่าหนูไม่ได้จดทะเบียนนะ”
หนู : “คือทุกวันนี้หนูไม่ได้ทำอาชีพอะไร เพราะดูแลลูก เขาให้เดือนละ 15,000 บาท 5,000 เราไม่ได้แตะต้องอยู่แล้ว เพราะเป็นค่าเรียนพิเศษลูก แต่ ณ ตอนนี้เราคนเดียวในบ้านค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน มันไม่พอ แล้วหนูก็เป็นหนี้สินก็เพราะตรงนี้ เพราะต้องมาดูแลลูก หนูมีหนี้อยู่แสนกว่าบาท วันนี้บอลมีรายได้ หนูเลยออกมาเรียกร้องสิทธิ์ตรงนี้ หนูอยู่กับเขามา15 ปี หนูไม่เคยได้อะไรจากเขา ทั้งบ้านทั้งรถก็ไม่ใช่ชื่อหนู”
“ถามว่าจะฟ้องไหม ถ้าหนูไม่ได้อะไรเลยก็จะฟ้อง เพราะอย่างที่บอกอาว่า 1 หมื่นบาทไม่พอกิน อีกอย่างคือหนูไม่มีงานทำ บอลไม่ให้หนูทำงาน ให้เลี้ยงลูกอย่างเดียว อาจะย้ำบอกหนูเสมอว่า ฟ้องไปก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ อาจะตอกย้ำอยู่เสมอว่าฟ้องไปสิ จะได้อดตายกันทั้งบ้าน ฟ้องไปสิ”
อา : “อาไม่เคยใช้คำพูดอย่างนั้น อาจะบอกหนูว่าถ้าฟ้องมันก็พังกันนะ ถ้าบอลพังคนหนึ่ง ก็พังกันหมด เพราะบอลหากินคนเดียวเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงใครหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง อาจะไม่ใช้คำพูดแบบนั้น”
จากนั้น “หนุ่ม กรรชัย” ได้หยิบเอกสารที่ทางหนูและบอล เคยเซ็นตกลงกันไว้ในการเลี้ยงดูบุตรเมื่อปี2549 มาดู และได้ขอให้ทั้งคู่ชี้แจง
หนู : “ปี 49 ที่เขาไปก็คือเรื่องผู้หญิง แล้วเขาก็กลับมา ตอนเมื่อปี 49 เขาคบอีกคนนะ ไม่ใช่คนที่เขาคบอยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นคนลำปางหรือเปล่า ไม่ทราบเหมือนกัน มันเป็นสัญญาของคนเก่า แล้วเขาก็กลับมา สัญญามันก็เป็นโมฆะสิ”
อา : “อาขำเพราะหนูเป็นคนบอกอาเองว่า ตอนนี้หนูฟุ้งซ่าน เพราะหนูไม่มีงานทำ อาพยายามพูดกับหนูตลอดว่าอย่าทำอะไรเลย เพราะมันจะทำลายชีวิตตัวเอง ถึงหนูจะเดือดร้อนแค่ไหนยังไง บอลก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ถึงเลิกกันก็คบกันเป็นเพื่อนก็ได้ คือมันไม่จำเป็นจะต้องทำสัญญาทุกปี เพราะมันก็ถือได้ว่าทำสัญญาตลอดไปอยู่แล้ว”
หนู : “ที่ออกมาก็เพราะว่าครั้งนี้คงจะเสียเขาไปจริงๆ ซึ่งที่เขาบอกว่าเขาแคร์จิตใจลูก แต่ทำไมออกสื่อว่าจะแต่งงาน”
พิธีกร “มดดำ คชาภา” ได้ถามนำ “นางจุฑาทิพย์” ต่อว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร?
อา : “เรื่องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรก็ทำให้ได้ แต่ตอนนี้บ้านหลังนั้นเราก็ให้เขาอยู่ ต้องให้เป็นผู้อยู่อาศัยไปก่อน บ้านหลังนี้ต้องให้ลูกอยู่นะ ต้องเป็นลูกที่เกิดจากบอลและหนูเท่านั้น”
หนู : “แต่หนูต้องการเป็นลายลักษณ์อักษรเลย แล้วอาไม่ต้องกลัวเลย หนูไม่มีสันดานที่จะเอาบ้านไปขายหรอก เพราะหนูรู้ว่าอาคิดอะไรอยู่ หนูคงไม่เอาที่ซุกหัวนอนของหนูไปขายหรอก หนูรู้ว่าที่หนูออกมาพูดครั้งนี้ถือว่าเป็นการแตกหัก ทุกวันนี้ทั้งรักทั้งแค้น หนูยอมทุกอย่าง ยอมจนไม่มีแรงจะต่อสู้ สภาพหนูตอนนี้มันแย่มากใจสลายหมดแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าเขาต้องไป ทุกวันนี้ที่เขาพาผู้หญิงออกรายการ เราก็ทำใจ เพราะคิดว่าเดี๋ยวเขาคงกลับเหมือนที่แล้วๆ มา ที่ผ่านมาหนูก็ไม่รู้ว่าเขาจะแต่งกับใครหรือเปล่า แต่ก็เคยได้ยินว่าเขาจะไปหมั้นกับผู้หญิง ซึ่งไม่ใช่คนนี้ด้วย”
อา : “คือถ้าหนูจะไม่เอาลูกไว้ก็บอกอา”
หนู : “หนูบอกแล้วว่าลูกหนู หนูไม่ทิ้ง หนูเคยพูดกับพี่สาวด้วยนะว่า ยอมขายตัวเลี้ยงลูก หนูก็ยอมทุกอย่าง หนูถามหน่อยถ้าพ่อของลูกไม่เลี้ยง หนูก็ต้องกัดปากตีนถีบเลี้ยงลูกหนูเอง แต่ถ้าทุกคนแบนงานคุณบอลหมด หนูก็ไม่ได้สะใจ ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น หนูอยากให้ทุกคนมองเขาเป็นคนดี เลี้ยงลูกเมีย ความดีเขายังมีอยู่ หนูกะแค่พูดแค่ตรงนี้ แต่ ณ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปแล้ว”
พิธีกร “หนุ่ม กรรชัย” ถาม “หนู” ย้ำว่า ทุกวันนี้ต้องการออกมาบอกให้ทุกคนรู้ว่า ยังไม่ได้เลิกกับบอล หรือเลิกแล้วแต่ต้องการเงินในการเลี้ยงดู?
หนู : “ทั้ง 2 อย่างเลย 15 ปีที่อยู่กับเขามาหนูไม่เคยได้อะไรจากเขาสักชิ้นเดียว ก่อนที่เขาจะออกจากบ้านก็โทรศัพท์มาบอกหนูว่า กูจะขายบ้าน กูจะขายรถ หนูยกมือไหว้เลยบอกบอล....ขอร้องนะ อย่าขายบ้าน ให้ลูกอยู่ ฉันขอ เขาก็บอกว่ามึงไม่ต้องเอาลูกมาอ้าง จนเราก็ให้ลูกชาย โทรคุยกับเขาว่า พ่อ...อย่าขายบ้าน ให้น้องให้แม่อยู่ พ่ออย่าขายนะ”
อา : “หนูจำได้ไหมว่า ที่บอลจะขายบ้าน เพราะหนูโทรมาหาอาบอกว่าจะไม่อยู่แล้ว หนูอายเขา สำนึกความเป็นพ่อคน ถ้าเมียกับลูกจะออกนอกบ้าน ถามหน่อยว่าหนูแค่ออกไปเช่าบ้านอยู่ เขาจะขายบ้านทันทีเลยใช่ไหม ความสำนึกความเป็นพ่อของคน ให้ลูกอยู่ดีกว่า ไม่ว่าจะคิดยังไงก็แล้วแต่ บ้านก็ต้องเป็นของลูก ไม่ใช่จะขายๆ อย่างเดียว”
จากนั้นพิธีกรได้ให้ทั้งคู่เปิดใจถึงจุดจบของเรื่องดังกล่าว โดย “หนู” ยืนยันว่าถ้าตนได้เงินก้อนเพื่อเอามาทำร้าน และค่าเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คนจะไม่ฟ้องร้อง ทั้งยังไม่สนใจฝ่ายชายจะไปแต่งงานกับใครใหม่ก็ช่าง
อา : “อยากให้เรื่องนี้จบยังไง อาก็อยากให้หนูกลับไปคิด เพราะทุกวันนี้อาและบอลยังช่วยเหลือหนูอยู่ ก็ยังถามสารทุกข์สุกดิบ แต่หนูเป็นคนทวงที่จะเอาเงินช่วงนี้ อาไม่ทิ้ง ณ ต่อไปนี้อาก็ไม่ทิ้ง บอลก็จะส่งเสียเหมือนเดิม”
หนู : “ที่หนูขอเงินก้อนไป เพราะหนูจะไปทำร้าน แต่เงินที่เขาส่งให้หนูเดือนละหมื่นทุกเดือน มันไม่พอค่าใช้จ่าย หนูต้องไปยืมคนอื่นเขา แต่เรื่องเงินจะเรียกเท่าไหร่เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที คงไม่ใช่แค่แสนเดียว เพราะเขามีมากกว่าแสน และถ้าหนูได้เงินมา บอลจะไปแต่งงานกับใคร จะแต่งใหญ่โตแค่ไหนหนูก็ไม่สนใจ หนูต้องการแค่เงินและความมั่นคงของลูก เวลาที่หนูเสียไป15 ปี หนูไม่เคยได้อะไรจากเขา และจะไม่ฟ้องร้อง แต่ถ้าไม่ได้หนูก็จะฟ้อง”
ที่มา: manager.co.th