เวิลด์โมโตประสานกทม.เปิดโครงการนำร่องติดมิเตอร์ให้มอเตอร์ไซด์รับจ้าง หวังยกระดับสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของวินมอเตอร์ไซด์ เทียบเท่าบริการแท็กซี่มิเตอร์ ชูจุดเด่นไม่ใช่แค่มิเตอร์แต่ยังเป็นสื่อโฆษณา พร้อมระบบ GPS เก็บข้อมูลดิจิตอล เน้นความปลอดภัยผู้โดยสาร
นายพอล ไจยส์ ประธานผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เวิลด์ โมโต (ประเทศไทย) กล่าวว่าบริษัทได้พัฒนาโมโตมิเตอร์ขึ้นเป็นรายแรก ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับใช้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนกับมิเตอร์ในรถแท็กซี่มาตรฐาน โดยบริษัทอยู่ระหว่างประสานงานกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อให้กทม.คัดเลือกวินมมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จะทดลองใช้มิเตอร์จำนวน 10-20 คัน เป็นโครงการนำร่อง
'เราจะเลือกทดลองในย่านที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อย่างถนนข้าวสาร ราชดำเนิน นานา ทองหล่อ สุขุมวิท เพื่อยกระดับสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างของไทย'
โมโตมิเตอร์ หรือมิเตอร์มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะการคิดค่าโดยสารตามระยะทางเท่านั้น แต่ยังติดตั้งระบบระบุพิกัดตำหน่ง (GPS) ที่จะทำให้ทราบตำแหน่งของรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยในเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้ผู้โดยสารกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ก็ตาม รวมทั้งยังทำหน้าที่ในลักษณะเหมือนเป็นกล่องดำในการจัดเก็บข้อมูลการเดินทางและการใช้งานทั้งหมดเป็นเวลาถึง 5 ปี ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมการขับขี่ของมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งจะช่วยรักษาชีวิตและป้องกันการบาดเจ็บโดยอุบัติเหตุ
โดยที่อุปกรณ์โมโตมิเตอร์สามารถพกพาได้สะดวกและติดตั้งได้ทั้งรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถมอเตอร์ไซค์ และจากการใช้งานในฟังก์ชั่นการเป็นกล่องดำในต่างประเทศพบว่าหน่วยงานควบคุมความปลอดภัยบนทางหลวงในกรุงเบอร์ลินระบุว่าหลังจากกรมตำรวจประจำเมืองเบอร์ลินเริ่มใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในฟังก์ชันการบันทึกข้อมูลในรถลาดตระเวนแล้ว ความเสียหายในระหว่างการเดินทางไปกู้ภัยลดลงถึง 36% เนื่องจากผู้ขับขี่เปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่หลังจากรู้ว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้โมโต มิเตอร์ยังเป็นสื่อโฆษณาชั้นเยี่ยมที่จะทำรายได้ให้เจ้าของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยรายได้จากโฆษณาจะมาได้ 2 ทางคือทางหนึ่งบริษัท เวิลด์ โมโตจะเจรจากับบริษัทข้ามชาติ หรือ บริษัทต่างๆในประเทศไทยที่สนใจลงโฆษณาที่เจาะตรงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและแบ่งรายได้จากโฆษณาให้ และทางที่สองคือเจ้าของมอเตอร์ไซค์รับจ้างสามารถติดต่อร้านค้าในละแวกนั้นๆ เพื่อโฆษณา โปรโมชัน ส่งเสริมการขายของร้านค้าตนเอง
'หน้าจอมิเตอร์จะเปลี่ยนเป็นหน้าจอโฆษณาที่มีชีวิตชีวา และจะเป็นแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนแหล่งใหม่ สามารถตั้งโปรแกรมให้โฆษณาเปลี่ยนไปตามแต่ละพื้นที่ได้ เช่น เมื่อขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านร้านพิซซ่า หน้าจอก็แสดงโฆษณาของพิซซ่าขึ้นมาทันที'
ทั้งนี้มิเตอร์มอเตอร์ไซค์จะมีราคาประมาณ 5,599 บาท หากเริ่มทำตลาดและจำหน่ายจริงเมื่อไหร่ ก็จะมีบริการไฟแนนซ์ให้ด้วย เพื่อให้เจ้าของมอเตอร์ไซค์รับภาระค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด ซึ่งจากผลสำรวจของบริษัทพบว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างในประเทศไทยมีจำนวนทั้งหมดประมาณ 7 แสนคัน อยู่ในกรุงเทพฯประมาณ 1.8 แสนคัน โดยมีรายได้เฉลี่ยคันละ 500 บาทต่อวัน ซึ่งถือว่ามีรายได้มากที่สุดในโลก
'ในบราซิล เราเริ่มติดมิเตอร์มอเตอร์ไซค์ได้ประมาณ 9 เดือน จำนวน 200 คัน ปรากฏว่าติดแล้วทำรายได้ให้เจ้าของมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพิ่มขึ้น 15% ยังไม่รวมส่วนแบ่งรายได้จากค่าโฆษณา'
ในสายตาของพอลมองว่ามิเตอร์ มอเตอร์ไซค์จะเกิดได้เพราะได้รับความนิยมของเจ้าของมอเตอร์ไซค์รับจ้างและผู้โดยสารซึ่งรวมทั้งนักท่องเที่ยว เนื่องจากประเทศไทยไม่มีกม.บังคับให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือตุ๊กตุ๊กต้องติดมิเตอร์เหมือนรถแท็กซี่
แต่จากประโยชน์ของมิเตอร์มอเตอร์ไซค์ที่มีมากมาย ไม่ใช่แค่เรื่องคิดค่าโดยสาร (ที่จากการศึกษาสำหรับประเทศไทยอาจคิดที่กม.ละ10-12 บาท พร้อมทั้งอาจมีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 5-10 บาท) แต่ในแง่การเป็นสื่อโฆษณาดิจิตอล รวมทั้งประโยชน์ด้านความปลอดภัยของผู้โดยสารที่พบว่าเป็นผู้หญิงกว่า 60% รวมทั้งสามารถพัฒนาบริการในรูปแบบอื่นๆในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เครื่องอ่านบัตร RFID หรือเครื่องพิมพ์ใบเสร็จขนาดจิ๋ว
นอกจากนี้ตัวมิเตอร์ยังสามารถจัดระบบคิวให้วินมอเตอร์ไซค์ และมีระบบรักษาความปลอดภัยในตัวเครื่อง หากมีความพยายามแกะเครื่องเพื่อเซ็ตค่าตั้งค่าโดยสารใหม่ มิเตอร์จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติทันที
'โครงการนำร่องจะเริ่มประมาณ 10-20 เครื่องและสามารถขยายเพิ่มได้จนถึง 100 เครื่อง เพื่อทดสอบตลาดและความพึงพอใจของผู้โดยสารและเจ้าของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งมิเตอร์ มอเตอร์ไซค์จะเหมือนการจัดระเบียบมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ทำผู้โดยสารไม่ต้องเสียเวลาต่อรองราคาค่าโดยสาร รวมทั้งประโยชน์ในการเป็นสื่อโฆษณาที่สร้างรายได้เพิ่มและสร้างประโยชน์สาธารณะได้ด้วย'
ที่มา: manager.co.th
