เออาร์ไอพี สรุปยอมคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010 ยอดขายเพิ่มทะลุหลัก 4,000 ล้าน เชื่ออานิสงค์จากค่าเงินบาทแข็ง รวมถึงการเพิ่มวันจัดงาน รวมเวนเดอร์ต้องการสร้างยอดหลังผลกระทบวิกฤติน้ำท่วม เป็นปัจจัยหลัก ขณะอันดับสินค้าขายดียังคงเดิม โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน จอมอนิเตอร์รั้งท็อป 3 ส่วนแท็บเล็ตยอดจองดีเกินคาด
นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดงาน "คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010"
ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งทางผู้จัดงานถือว่าประสบความสำเร็จในสถานการณ์บ้านเมืองเกิดภาวะอุทกภัยน้ำท่วมเช่นนี้ สามารถสร้างเม็ดเงินในงานสะพัดกว่า 4,000 ล้านบาท จากปัจจัยหลายๆด้าน
ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทแข็งขึ้นส่งผลให้ราคาเครื่องโน้ตบุ๊ก และสมาร์ทโฟนมีราคาถูกลง ทำให้ยอดซื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโน้ตบุ๊กราว 25-30% ประกอบกับเป็นช่วงเปิดภาคเรียนจึงมีนักเรียน นักศึกษา มาซื้อใช้ประกอบการเรียน ส่งผลให้ยอดขายพรินเตอร์มาแรง เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ควบคู่ไปกับโน้ตบุ๊ก รวมกับกระแสสมาร์ทโฟนที่ผลักดันยอดขายเช่นกัน
"งานครั้งนี้ถือว่าปิดท้ายงานไอทีอย่างสวยงาม ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเวนเดอร์แต่ละเจ้าก็ส่งโปรโมชันมาแข่งกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กที่ยังครองความนิยม ส่วนสมาร์ทโฟน ก็ถือว่ายอดขายเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากมีการเพิ่มโซน “Smartphone pavilion” รวมทั้งสามารถจองมือถือรุ่นใหม่ในงาน กระแสนิยมของแท็บเล็ต เนื่องจากมีการจำกัดจำนวนเครื่องขายภายในงาน เชื่อว่าภายในปีหน้ากระแสแท็บเล็ตต้องมาแรงอย่างแน่นอน"
ลำดับสินค้าที่ขายดีที่สุดอันดับหนึ่งคือโน้ตบุ๊ก มียอดขายรวมทั้งงาน 2,500 ล้านบาท รองลงมาเป็นสมาร์ทโฟนจากยอดขาย 488 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่ต้องจองในงานอย่าง ไอโฟน 4 ส่วนอันดับสาม จอมอนิเตอร์ 220 ล้านบาท นอกจากนี้ พวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็ขายดีเช่นกัน
การจัดงานคอมมาร์ตครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานถึง 5 วัน และภายในปีหน้าทางคณะผู้จัดงาน ก็จัดงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2011 ถึง 5 วันเช่นกันเนื่องจากพบว่าผู้เข้าชมงานพอใจกับการขยายวัน โดยเฉพาะวันแรกมีผู้เข้าชมงานจำนวนมาก ซึ่งผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80-90% ตั้งใจจะมาซื้อสินค้าโดยเฉพาะ และซื้อสินค้ามากกว่า 1 รายการ โดยจะศึกษาข้อมูลสินค้าเบื้องต้นมาก่อนแล้วผ่านเว็ปไซต์ต่างๆ ซึ่งในปีหน้าทางคอมมาร์ต มีแผนการตลาดเพิ่มยอดขายสินค้าในแต่ละวันให้มากขึ้น อาทิ วันแรกมีโปรโมชันสำหรับสมาร์ทโฟน วันที่สองมีโปรโมชันสำหรับโน้ตบุ๊ก เป็นต้น
สำหรับกิจกรรมเวิร์คชอป และสัมมนาเสริมความรู้ภายในงาน คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010 ครั้งนี้ตอบโจทย์กระแสนิยมสมาร์ทโฟน "ปะฉะดะ iPhone Vs Black Berry Vs Window Phone7 ใครเจ๋งสุดงานนี้ได้รู้กัน" ซึ่งจะพบข้อดีข้อเสียของเหล่าสมาร์ทโฟนเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเต็มทุกหัวข้อ
นายปฐม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010 นี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม และกระแสความต้องการใช้งานไอทีในปีหน้า ที่ตลาดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจะมาแรง ทั้งในการใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุนในองค์กร บริษัทห้างร้านต่างๆ ด้วยขนาดและประโยชน์ใช้สอยที่สะดวกกว่า อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีไอทีก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างปฏิเสธไม่ได้
ทิศทางของการจัดงานคอมมาร์ตในปี 2011 จะเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรจัดงานคอมมาร์ตต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวม 4 งาน ได้แก่ งานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011, คอมมาร์ต เอ็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2011, งานคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ มาร์ท (ซีมาร์ท) งานมหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ (ภาพและเสียง) และคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2011 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.commartthailand.com ขณะที่ยอดจำหน่ายสินค้าภายในงานมีรายละเอียดดังนี้
1.Notebook 2,504,033,400 บาท
2.Smartphone 488,503,650 บาท
3.Monitor / LCD TV 219,850,400 บาท
4.Digital Camera 207,562,340 บาท
5.Accessory 203,650,000 บาท
6.Desktop Computer 154,603,000 บาท
7.Printer 134,578,600 บาท
8.External Harddisk / Storage 90,708,897 บาท
9.Software 42,390,000 บาท
10.Air Card 10,905,798 บาท
11.Memory + RAM 7,034,385 บาท
12.Flash Drive 5,993,198 บาท
13.อื่นๆ 32,678,500 บาท
ยอดรวม 4,102,492,168 บาท
Company Relate Link :
Commart
ที่มา: manager.co.th