คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปี 2552 มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทำให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรติดขัดและมักเกิดอุบัติเหตุจากความประมาทของผู้ขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะผลพวงจากการดื่มสุรา ทั้งนี้ รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กระทรวงวิทย์ฯ โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. จึงได้วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าว
นายอดิศร เตือนตรานนท์ รักษาการ ผู้อำนวยการฝ่ายหน่วยปฏิบัติการวิจัยนาโนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องกลจุลภาค เนคเทค กล่าวว่า เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจแบบพกพา ดำเนินการวิจัยและพัฒนาต้นแบบสกรีนนิ่ง (Screening Alcohol Meter) เป็นรุ่นที่ 5 คือ SAM-05 โดยมีหลักการทำงาน คือใช้เซ็นเซอร์ฟิล์มบาง เป็นตัวตรวจวัดแอลกอฮอล์ และมีวงจรอิเล็กทรอนิกส์เทียบค่า หลังจากตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์จากการเป่าแล้วจะมีสัญญาณเตือนขึ้น 3 สี ได้แก่ สีเขียว หมายถึง 0 มิลลิกรัม ไม่มีแอลกอฮอล์ สีเหลือง อยู่ระหว่าง 1-49 มิลลิกรัม เตือนให้ระวังการขับขี่ และสีแดง 50 มิลลิกรัมขึ้นไป มีแอลกอฮอล์ระดับสูง
รักษาการ ผอ.ฝ่ายหน่วยปฏิบัติการวิจัยฯ เนคเทค กล่าวต่อว่า หลังจากเนคเทคพัฒนาระบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ในปี 2552 กระทรวงวิทย์ฯ จึงมอบให้ตำรวจทางหลวงจำนวน 190 เครื่อง และตำรวจจราจรจำนวน 20 เครื่อง ใช้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ยานพาหนะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพิ่มขึ้นจากเดิมปี 2551 ที่มอบให้จำนวน 100 เครื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี (ประเทศไทย) จำกัด
นายอดิศร กล่าวอีกว่า ราคาเครื่องดังกล่าวอยู่ที่ 8,000 บาท ถูกกว่าเครื่องตรวจวัดแบบเป่าที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคา 30,000 บาทง จากการนำไปใช้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจของผู้ขับขี่ยานพาหนะในเบื้องต้น นับว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการตรวจวัดปริมาณการดื่มสุรา เพราะมีความไวสูง สามารถใช้วัดจากลมหายใจโดยตรง ใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว ไม่ถึง 30 วินาที และรู้ผลได้ทันทีโดยการแสดงตัวเลข 3 หลักบนจอแอลซีดี รวมถึงมีไฟสว่างต่อการใช้งานกลางคืน พบว่ามีความผิดพลาดประมาณ 5%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (9 เม.ย.2552) กลุ่มแท็กซี่เสื้อแดง นำรถแท็กซี่จอดขวาง ปิดการจราจรฝั่งขาเข้าโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทำให้การจราจรติดขัด ถนนราชวิถี จากแยกดินแดง ถึง อนุสาวรีย์ชัยฯ ถึงแยกตึกชัย ถนนพหลโยธิน จากพล.ม.2 ถึง อนุสาวรีย์ชัยฯ และจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ถึงหน้าพล.ม.2 ปิดการจราจร 2 ช่องขวา และถนนพญาไท จากแยกพญาไท ถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ และถนนพระรามที่ 6 ที่จะเข้าไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ถนนกำแพงเพชร 5 แจ้งผู้ใช้เส้นทางทราบและหลีกเลี่ยงในเส้นทางดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้เดินทางหันมาใช้ระบบประเมินและรายงานสภาพจราจรแบบ Real Time ที่เรียกว่าทราฟฟี่ เนื่องจากทำให้ผู้เดินทางสามารถตรวจสอบสภาพจราจรได้ ทั้งนี้ ระบบทราฟฟี่ ยังช่วยในการวางแผนล่วงหน้าได้ 30 นาที ก่อนออกเดินทาง และสามารถตรวจสอบสภาพจราจรขณะเดินทางได้ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีความติดขัด ช่วยให้ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยเข้าไปดูได้ที่
www.traffy.in.th และโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบต่างๆ
ที่มา: thairath.co.th