หูฟังบลูทูธดัมพ์ราคาหนีตาย 'บลูเทรค'ครวญสินค้าค้างสต๊อกบาน 'จาบรา'ระบุมีเงิน200 บาท ก็หาซื้อได้แล้ว
เศรษฐกิจพ่นพิษ หูฟังบลูทูธค้างสต๊อกเพียบ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายดิ้นหาทางรอด ระเบิดสงครามราคาปั๊มยอดขาย "บลูเทรค" เผยตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ดัมพ์ราคาทุกรุ่นลง 20% กำเงิน 200 บาท ก็หาซื้อได้แล้ว ขณะที่ "จาบรา " เผยคาดการณ์ตลาดไว้แต่แรกแล้ว หลังคลอดโทรห้ามขับ ยอดจะตกใน3-4 เดือน วันนี้กำเงิน 200 บาทก็หาซื้อได้แล้ว ชี้รายใหม่รอดยาก
นายปริตร ปริตรมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอลีทเทค โอคุณซันฯ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายหูฟังบลูทูธ แบรนด์บลูเทรค เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ตลาดหูฟังบลูทูธชะลอตัวลงไปเป็นอย่างมาก โดยภายหลังจากมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 8) 2551 ซึ่งห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริม ได้มีผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรายใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแบรนด์จีน ส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายต่างแข่งขันกันด้วยราคา
โดยในช่วงแรกที่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ. บริษัท มีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากที่วางเป้ายอดขายไว้ 4,000 ตัว/เดือน แต่ภายหลังพ.ร.บ. มีผลบังคับใช้เมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทก็มียอดจำหน่ายเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าตัว หรือประมาณ 10,000 ตัว/เดือน ในระหว่างเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2551 หลังจากนั้นยอดขายก็เริ่มชะลอตัวลง แต่ขณะเดียวกันกลับยังมีผู้ประกอบการรายใหม่แห่เข้ามาแข่งขันในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้การแข่งขันด้านราคารุนแรงมากขึ้นไปอีก ประกอบกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ในช่วงปลายปียอดจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการแต่ละรายจึงลดลงอย่างชัดเจน โดยบริษัทเองมียอดจำหน่ายลดลงมาเหลือ 2,000 ตัว/เดือน
"ภายหลังบังคับใช้ พ.ร.บ. 3-4 เดือนแรก เรามียอดขายดีมาก เราจึงได้สั่งสินค้าเข้ามาขายอีกเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากนั้น เมื่อมีการแข่งขันราคาอย่างหนักและเศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายเราจึงลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้เราประสบปัญหาสินค้าค้างสต๊อก โดยในช่วงปลายสินค้าเราค้างสต๊อกเป็นหมื่นตัว" นายปริตรกล่าว
นายปริตรกล่าวต่อไปว่า จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา บริษัทต้องแก้ปัญหาด้วยการลดราคาสินค้าทุกรุ่นลง 20% โดยปัจจุบันสินค้ารุ่นที่จำหน่ายราคาต่ำสุดของบริษัท คือรุ่น tattoo จากเดิมราคา 999 บาท ตอนนี้ลดเหลือเพียง 799 บาท ซึ่งภายหลังจากลดราคาสินค้า ก็ทำให้สินค้าในสต๊อกลดลงไปเป็นอย่างมาก โดยล่าสุดเหลือสินค้าค้างสต๊อกประมาณ 5,000 ตัว และคาดว่าภายใน 3-5 เดือนนี้ จะสามารถกระจายสินค้าออกไปได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทจะนำสินค้ารุ่นใหม่เข้ามาจำหน่ายอีก 3 รุ่น
"ไม่เพียงแค่เราที่ประสบปัญหาสินค้าค้างสต๊อก แต่ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที่ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน"
ด้านดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ ที บี เทคโนโลยี จำกัด ตัวแทนจำหน่ายชุดหูฟังไร้สายบลูทูธ ยี่ห้อจาบรา (Jabra) จากประเทศเดนมาร์กเพียงรายเดียวในประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทคาดการณ์ตั้งแต่แรกแล้วว่า ตลาดหูฟังบลูทูธจะสามารถเติบโตเป็นอย่างมากในช่วง 3-4 เดือนภายหลังจากการบังคับใช้ พ.ร.บ. เท่านั้น จากนั้นยอดจำหน่ายทั้งตลาดก็จะลดลง เพราะตลาดเริ่มอิ่มตัว คือคนที่ต้องการซื้อสินค้า จะเริ่มซื้อในช่วง 4-5 เดือนแรก อีกทั้งกฎหมายยังไม่สามารถบังคับใช้ได้อย่างจริงจัง จึงมีส่วนทำให้ยอดจำหน่ายชะลอลงได้เช่นกัน ดังนั้นบริษัท จึงเตรียมพร้อมไว้แล้ว และไม่มีปัญหาเรื่องสต๊อกสินค้า
"3-4 เดือนแรกหลังบังคับใช้ พ.ร.บ. เรามียอดโต 4-5 เท่า แต่เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งจากยอดกลางปีที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งปีตลาดรวมเติบโตถึง 3 เท่าตัว แต่ในปีนี้คาดว่าตลาดจะไม่โต โดยมียอดเท่ากับปีที่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม จากที่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ. ส่งผลให้มีหลายรายเข้ามาแข่งขันในตลาด โดยคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 20 แบรนด์ แต่เพราะเกิดปัญหาเศรษฐกิจและตลาดอิ่มตัว จึงส่งผลให้แบรนด์ขาดทุนพอสมควร เกิดปัญหาสินค้าล้นสต๊อก โดยเชื่อว่าภายในปี 2553 ตลาดจะกลับมาอีก แต่จะเหลือเฉพาะแบรนด์หลักๆที่แข่งขันในตลาด คือมีเพียง 6-7 แบรนด์
"ตอนนี้สินค้าไม่มีแบรนด์มีเงินแค่ 200 บาทก็หาซื้อได้แล้ว ส่วนบลูทูธที่มีแบรนด์ก็หาซื้อราคาถูกๆ ได้ประมาณ 400 บาท ดังนั้นรายใหม่ที่จะเข้ามาตอนนี้คงยากแล้ว เพราะรายที่อยู่ในปัจจุบันจึงอยู่ได้ยากเลย ทั้งนี้เราจะเน้นแข่งขันด้านคุณภาพเป็นหลัก โดยปีนี้เราตั้งเป้ายอดขาย 200,00 ตัวเท่าเดิมกับปีที่แล้ว โดยจะเปิดตัว 7-8 รุ่น"