นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเริ่มส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ที่เป็นอีก 1 ธุรกิจหลักของประเทศ เอไอเอส สมาร์ท เอสเอ็มอี นอกจากจะสนับสนุนบริการเพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด, บริการสื่อสารเพื่อธุรกิจ, บริการหลังการขาย, บริการเอไอเอส สมาร์ทโซลูชั่นส์, บริการด้านข้อมูลข่าวสารผ่าน เอสเอ็มอี ฮ็อทไลน์ 1149 และ สิทธิพิเศษจากเอไอเอสและพันธมิตรแล้ว ในสภาพเศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน เอไอเอนได้เร่งพัฒนาบริการรวมถึงร่วมมือกับคู่ค้า เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวต่อว่าเอไอเอสได้พัฒนาบริการเพิ่ม 3 ด้าน สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี คือ 1. SMEs Inter SIM ศูนย์รวมบริการสื่อสาร ต่างประเทศ เช่น IR, IDD และ บริการ Connect talk บริการเช่าเบอร์ต่างประเทศ ไกลแค่ไหนก็โทรกลับไทยในราคา Local ให้ผู้ประกอบการติดต่อธุรกิจกับต่างชาติอย่างคุ้มค่าและสะดวกสบาย 2. SMEs News Alert ส่งข้อมูล Update เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตร, ตัวเลขส่งออก, ตัวเลขทางเศรษฐกิจ GDP, ตัวเลขการลงทุนจากบีโอไอ ฯลฯ ถึงมือถือ 3. m-Market Place ที่จะนำสินค้าเด่นๆในลักษณะของ E-Catalog หมุนเวียนมานำเสนอผ่าน WAP ของสสว. ที่พัฒนาโดยเอไอเอส นอกจากนี้ สสว.จะส่งวิทยากรเข้าร่วมในโครงการ AIS SMEs Forum ไทยช่วยไทย 2009 เดินสายทั่วไทยให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
นายสมชัย กล่าวอีกว่า รายได้ในปี 2551 เอไอเอสมีรายได้รวมอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีที่จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการประมาณ 6,000 ล้านบาท และกลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจเอสเอ็มอีแต่จดทะเบียนส่วนบุคคลประมาณ 9,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเอไอเอสเชื่อว่าจากข้อมูลจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ทั่วประเทศที่มีอยู่ประมาณ 2.3 ล้านราย เป็นผู้ใช้บริการของเอไอเอสประมาณ 60%
รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวด้วยว่า ปี 2552 เอไอเอสตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างน้อย 10% จากปีก่อน โดยมาจาก การออกแพ็คเก็จที่เหมาะสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีของเอไอเอสที่คาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการเดิมที่ใช้บริการเอไอเอสอยู่จะยังอยู่กับเอไอเอส และเชื่อว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีก 30-40% ที่ใช้บริการของผู้ประกอบการรายอื่นจะหันมาใช้เอไอเอส เนื่องจากมีแพ็คเก็จที่เหมาะกับธุรกิจเอสเอ็มอี
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. กล่าวว่า เพื่อเป็นส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของ SMEs สสว. จึงได้ร่วมกับ เอไอเอส สานต่อความร่วมมือในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SMEs ด้านการตลาดและเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร เป็นปีที่ 2 โดยนำระบบเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพของ เอไอเอส ในระบบเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายแบบมือถือ มาเป็นตัวช่วยผู้ประกอบการ SMEs ใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด การประชาสัมพันธ์ การบริหารจัดการ การติดต่อสื่อสาร และการขอรับคำปรึกษาแนะนำในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ SMEs สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ให้เติบโตและผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันได้
“ความร่วมมือในปี 2551 ที่ผ่านมา มีการพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายแบบมือถือให้เป็นช่องทางส่งผ่านข้อมูล และเครื่องมือทางการตลาดให้กับเอสเอ็มอี ทั้งเรื่องการส่งข้อมูลข่าวสารของ สสว. ผ่าน SMS รวมทั้ง สสว. แว็พไซต์ หรือ SMEs Guru Line สร้างหน้าร้านออนไลน์จาก
www.MyAISMall.com รวมทั้งการให้บริการ SIM SMEs ถือว่าประสบความสำเร็จ ในปีนี้นอกจากจะเป็นการสานต่อความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว ยังเพิ่มสิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการส่งข้อมูลข่าวสารการวิเคราะห์เตือนภัยให้กับ SMEs ที่รวดเร็ว ถูกต้อง ทันต่อเหตุการณ์ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อยู่รอดท่ามกลางภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน” รองผู้อำนวยการ สสว.กล่าว
ที่มา: thairath.co.th
