"ซัมซุง" เปิดเกมรุกธุรกิจไอทีเต็มรูปขยายไลน์สินค้า "โน้ตบุ๊ก-โปรเจ็กเตอร์" เสริมทัพ เข็นจอแอลซีดีขนาดใหญ่ เจาะลูกค้าระดับกลางถึงบน หวังฉุดมูลค่าตลาดเพิ่มหลังราคาสินค้าตกลง 10-15% ต่อปี พร้อมตั้งทีม marketing intelligence วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกปรับปรุงรีเทลช็อปทั่วประเทศ ตั้งเป้าปีนี้กลุ่มธุรกิจไอทีโตกว่า 35%
นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิกส์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดรวมจอแอลซีดีปีที่ผ่านมามีการเติบโต 18% แต่คาดว่าปีนี้จะมีการเติบโตลดลงเหลือ 6% หรือ 1.8 ล้านเครื่อง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบให้ดีมานด์ในตลาดลดลง ผู้บริโภคมีการยืดอายุการใช้งานสินค้านานขึ้น และตัดสินใจซื้อสินค้าน้อยลง
นอกจากนี้มูลค่าตลาดรวมปีนี้อาจจะลดลง จากปี 2551 มีมูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท คาดว่าปีนี้จะลดเหลือ 1.05 หมื่นล้านบาท เพราะราคาเฉลี่ยสินค้าลดลงปีละ 10-15% ทำให้ปัจจุบันจอแอลซีดีขนาด 18 นิ้ว ราคา 4-5 พันบาท จากเดิมราคา 5 พันกว่าบาท
โดยปีที่ผ่านมา ซัมซุงมีส่วนแบ่งการตลาดแอลซีดี 27.4% และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 32% หรือ 5.8 แสนเครื่อง
สำหรับกลยุทธ์ปีนี้จะเน้นกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงบนมากขึ้น และเน้นการทำตลาดจอขนาดใหญ่ประมาณ 20 นิ้วขึ้นไป เพราะทิศทางการใช้งานของตลาดมีความต้องการใช้จอขนาดใหญ่มากขึ้น ขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มรายได้ของซัมซุงให้สูงขึ้นด้วย
พร้อมกันนี้จะเพิ่มโฟกัสกลุ่มเซ็กเมนต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จากเดิมที่เน้นกลุ่มโฮมยูส เกมเมอร์ และผู้ใช้โปรเฟสชันนอลเป็นหลัก โดยปีนี้คาดว่าสัดส่วนของจอขนาดใหญ่ตั้งแต่ 20 นิ้วขึ้นไปมีประมาณ 15% ของตลาดรวม จากปีที่แล้วมีสัดส่วน 7%
ปีนี้ซัมซุงจะออกแอลซีดีมอนิเตอร์ใหม่ 4 ซีรีส์ ประมาณ 10 รุ่น และล่าสุดได้เปิดตัวแอลซีดีมอนิเตอร์ "70 ซีรีส์" 3 รุ่น ขนาดตั้งแต่ 20-23 นิ้ว ราคา 6,750-9,600 บาท เจาะกลุ่มโฮมยูสและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และรุ่น "แลปฟิต ซีรีส์" เป็นมอนิเตอร์แอลซีดีจอที่สอง สำหรับการทำงานคู่กับโน้ตบุ๊ก แสดงผลแบบหลายหน้าจอ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่การทำงานบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจากโน้ตบุ๊กและมินิโน้ตบุ๊ก
สำหรับจอขนาด 18.5 นิ้ว จำหน่ายราคา 5,990 บาท และรุ่นขนาด 21.5 นิ้ว ราคา 8,550 บาท
นายบุญเลิศกล่าวอีกว่า ปีนี้ซัมซุงไอทีได้เพิ่มไลน์สินค้าเป็น 11 ชนิด จากปีที่ผ่านมามีเพียง 5 ชนิด โดยบางส่วนย้ายมาจากกลุ่มคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับสินค้าใหม่ที่นำเข้ามาทำตลาดปีนี้คือ โปรเจ็กเตอร์ ีโฟโต้เฟรมและโน้ตบุ๊ก ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนซัมซุงได้เคยทำตลาดและได้หยุดไป
"สาเหตุที่ซัมซุงเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ในปีนี้ เพราะปีที่ผ่านมาซัมซุงไอทีมีการเติบโตเยอะมาก การเพิ่มสินค้าใหม่จะช่วยเพิ่มการเติบโตของรายได้และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ" โดยปีที่แล้ววางโครงสร้างและช่องทางจำหน่ายไว้ครอบคลุมแล้ว ปีนี้จะใช้ช่องทางที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ แม้ว่าปัจจุบันจะประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ซัมซุงมองเป็นโอกาสเพราะคู่แข่งอาจมีปัญหา ทั้งมีความพร้อม มีการลงทุน R&D การผลิตและการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
สินค้าโน้ตบุ๊กจะเข้ามาช่วยเสริมรายได้ของธุรกิจไอทีให้เติบโตมากขึ้น เพราะตลาดโน้ตบุ๊กเป็นตลาดขนาดใหญ่ และปีนี้จะเป็นปีแรกที่สินค้าโน้ตบุ๊กมียอดขายมากกว่าพีซี โดยจะเปิดตัวทำตลาดโน้ตบุ๊กในเดือน พ.ค. เจาะกลุ่มพรีเมี่ยมแมส ราคาประมาณ 2 หมื่นบาทขึ้นไป ส่วนเน็ตบุ๊กราคาประมาณหมื่นกว่าบาท ขณะที่โปรเจ็กเตอร์จะเข้ามาเสริมสินค้ากลุ่มธุรกิจเป็นหลัก
กลยุทธ์การตลาดจะเน้นแคมเปญส่งเสริมการขาย เน้นการลงทุนหน้าร้านมากขึ้น โดยเฉพาะจัดดิสเพลย์หน้าร้านพร้อมกับตั้งฝ่าย marketing intelligence ขึ้นมา มีทีมงาน 3-4 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและรายละเอียดมากขึ้น เพื่อปรับปรุงรีเทลช็อปที่มีทั่วประเทศกว่า 1,500 แห่ง
ปีนี้ซัมซุงไอทีตั้งเป้าสัดส่วนการเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 3.5 พันล้านบาท สัดส่วนรายได้หลักมาจากกลุ่มแอลซีดี 65% พรินเตอร์ 10% และกล้องดิจิทัล 10%
ที่มา: matichon.co.th