"คิงส์ตัน"เปิดเกมรุกตลาดไทยปูพรมกิจกรรมมุ่งสร้างแบรนด์

[Reporter]

"คิงส์ตัน" รุกอัดกิจกรรมต่อเนื่องในไทยหวังกระตุ้นตลาดกลับมาคึกคัก ทั้งการจัดโรดโชว์ตามสถาบันการศึกษา การโคแบรนดิ้ง พร้อมมองหาตลาดใหม่เดินหน้าขยายฐานตลาดไฮเอนด์เจาะกลุ่มเกม กราฟิก


นางสาวแอนน์ ไบ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เมโมรี่ โมดูล บริษัทคิงส์ตัน ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีนี้คิงส์ตันจะเน้นการขยายตลาดในกลุ่มสินค้าระดับไฮเอนด์ เช่น เมโมรี่ตระกูลไฮเปอร์ เอ็กซ์ (Hyper X) ซึ่งเป็นเมโมรี่ระดับสูงสำหรับคอเกม กลุ่มโอเวอร์คล็อก และผู้ใช้งานด้านกราฟิกดีไซน์ โดยสินค้าจะมีสเป็กหรือคุณสมบัติเฉพาะเพื่อให้เหมาะกับตลาดเซ็กเมนต์ต่างๆ เพราะปัจจุบันความต้องการใช้งานเมโมรี่แบบ DDR3 หรือหน่วยความจำที่มีความรวดเร็วสูงสุดของตลาดทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้คิงส์ตันให้น้ำหนักในการผลิตสินค้าประเภทนี้ในราคาที่สามารถหาซื้อได้

ในด้านกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นตลาดนั้นมีการจัดกิจกรรมแข่งขันโอเวอร์คล็อกเกม จัดโรดโชว์ตามสถาบันการศึกษา การเข้างานแสดงสินค้าไอทีต่างๆ การโคแบรนดิ้งร่วมกับพาร์ตเนอร์ และรุกหนักด้านประชาสัมพันธ์ และโฆษณามากขึ้น เพื่อตอกย้ำแบรนด์ของคิงส์ตันให้เป็นที่รู้จักในตลาดเซ็กเมนต์ใหม่ๆ ด้วย เช่น ล่าสุดได้มีความตกลงที่จะมีการจัดกิจการการตลาดร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง The X-Men : Wolverine

สำหรับภาพรวมตลาดของคิงส์ตันประเทศไทย แม้ว่าปัจจุบันตลาดเมโมรี่ระดับไฮเอนด์ เช่น DDR3 ยังมีการเติบโตไม่มากนัก แต่เชื่อว่าอนาคตจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ปัจจุบันสินค้าที่ขายดี คือ รุ่น DDR2 667 MHz และรุ่น 800 MHz ความจุ 1 GB และ 2 GB ซึ่งเป็นเมโมรี่รุ่น เมนสตรีมสำหรับพีซีตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กทั่วไป รวมถึงเมโมรี่ DDR1 สำหรับเครื่องอัพเกรดก็มีแนวโน้มเติบโตสูง

นางสาวแอนน์ ไบ กล่าวอีกว่า จากภาวะปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในเมืองไทยช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การบริการในเมืองไทยต้องชะงักเล็กน้อย โดยเฉพาะการจัดส่งสินค้าเข้า-ออก แต่อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือจากพาร์ตเนอร์ทำให้บริษัทยังรักษาตลาดและสามารถเติบโตได้ ขณะที่ปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกนั้น พบว่าผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้ามากขึ้น โดย คิงส์ตันยังคงเสนอสินค้าในราคาที่สามารถแข่งขันในตลาด พร้อมกระตุ้นด้วยแคมเปญต่างๆ ผ่านคู่ค้าในท้องถิ่นเพื่อสร้างความคึกคักให้แก่ตลาดและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค จึงคาดว่ายังมีโอกาสเติบโตอยู่


ที่มา: matichon.co.th