"บางทีแม้แต่คนไป ก็ไม่อาจตอบได้ว่า
"ทำไม จึงรักเราต่อไปไม่ได้"เพราะเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่า
ที่ผ่านมา..ความรักที่เขาให้เราไม่ได้ออกมาจากหัวใจจริง
เพราะเรา..ไม่ใช่ที่ของความรัก
แต่เป็นเพียงที่พักใจ ในวันที่ชีวิตพ่ายแพ้เท่านั้น
เราคงอดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมบางคนเดิน
มาบอกรัก แล้วพอเรารักตอบ เขา...กลับเดินจากไป
ปล่อยให้เราอยู่กับคำถามที่ว่า
"เพราะอะไร" เราถามว่า "ทำไม..." คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นความเงียบ
ที่เขาเงียบไปก็เพราะไม่มีเหตุผล....เหตุผลที่แม้แต่คนจะไป
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า "เพราะอะไร"
ที่ครั้งหนึ่งเราอาจเคยพยายาม..เข้าใจกัน
เพราะเวลานั้นเรามีความพยายาม ที่จะรับรู้ รับฟัง
ทำทุกอย่างด้วย..ความต้องการที่ใจเรา..อยากให้เป็น
และก็เพราะความรัก ทำให้เราพยายาม
เราจึงก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อกันและกันได้
แต่ถ้าไม่รักกันอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างก็คงไม่มีความหมาย
ถ้ามันสายเกินไปที่จะกลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง
และแม้กระทั่งความผูกพันก็ไม่อาจรั้งกันไว้ได้
การหันหลังให้กันด้วยความเข้าใจคงเป็น
ความพยายาม ครั้งสุดท้าย..ที่ดีที่สุด
ที่เราจะทำเพื่อกันและกันได้
คนเราบางคน...เลือกยอมทน เจ็บปวด และเสียน้ำตา “มากมาย”
เพียงเพื่อแลกกับความสุขจากการได้มีความรัก“นิดเดียว”
บางทีก็ไม่เคยรู้เลยว่า
นับตั้งแต่วันเริ่มต้น
ที่ “รัก”นั้นทำให้เราร้องไห้เวลามันก็เริ่มเดินถอยหลัง
นับวันที่ “รัก” จะจบ
รออยู่แล้วและมันก็มักจะเป็นอย่างนั้นเสมอ
เมื่อถึงวันที่เราต่างต้องก้มหน้ายอมรับกับตัวเองว่า
ช่วงเวลาแห่งความผูกพันที่เลยผ่าน
มันคงไม่ได้หอมหวานเหมือนดังเก่าและ “ความรักในโลกแห่งความเป็นจริง”
ก็คงไม่สามารถสวยงามได้ตลอดเวลาหากแต่ไม่ทันรู้ตัว
เราก็แอบเผลอ “เสียน้ำตา” อยู่บ่อยๆ
บางทีก็บ่อยเสียจนรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งความรักมันก็ “พัง” ไปแล้ว
พังไปพร้อมๆ กับความไม่เข้าใจ...และรอยหม่นไหม้
ในความรู้สึกตัวเองฉันไม่ปฏิเสธหรอกว่าทุกครั้ง
ที่ฉันมีความรัก...ฉันมีความสุข
แม้มันจะเป็นความสุขที่แอบแฝงความทุกข์เศร้าเอาไว้ลึกๆ ในใจ
อยู่บ้างก็ตามแต่ฉันไม่โทษใครเพราะส่วนหนึ่งมันก็คงเกิดขึ้น
จากความเป็นคนเจ้า อารมณ์ขี้ใจน้อย ช่างอ่อนไหว
และบางทีที่ชอบเผลอคาดหวังจากคนรักมากมาย
จนกลายเป็นการเรียกร้อง
กลายเป็นความกดดันจากที่เคยรู้สึกว่าผูกพัน
ก็เหมือนจะทนรักกันไม่ไหวหากแต่ในขณะที่ “รัก”
มันทำให้ท้อจนแทบหมดแรงฉันก็ไม่เคยนึกออกเลยว่าถ้าต้อง “เลิกกัน”ขึ้นมาจริงๆ
แล้วฉันจะแกล้งทำเหมือนไม่เจ็บได้อย่างไร
เมื่อต้องทนอยู่กับความรู้สึกหน้าชื่นอกตรมฝืนรักก็ทุกข์ระทม
แต่ก็ข่มตัดใจไม่ไหว ฉันเลือกทนอยู่
ด้วยหวังว่าสักวันมันน่าจะดีขึ้นฉันเลือกที่จะ
เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างที่ฉันเชื่อว่ามันน่าจะทำให้ทุกปัญหาจางหาย
ฉันเลือกให้ตัวเองได้เก็บกอด “ความรัก” นั้นไว้
ทั้งๆ ที่เมื่อเทียบกับการเสียมันไป
บางทีมันก็ทำให้ใจฉัน “เจ็บ” ไม่แตกต่างแต่เพราะฉันกลัวการสูญเสีย
ฉันกลัวไม่ได้เป็นเจ้าของ จนเมื่อในตอนสุดท้าย
ที่ความเป็นจริงไม่เป็นเหมือนอย่างที่หวัง
บทเรียนจากความผูกพันที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตา
มันไม่ช่วยพิสูจน์ความคงมั่นยาวนานของความรักได้เลยสักนิด
เพราะนับตั้งแต่วันเริ่มต้น
ที่ “รัก” นั้นทำให้เราร้องไห้ เวลามันก็เริ่มนับถอยหลัง
จนถึงวันที่ “รัก” นั้นจบลงเสมอ
สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้คือไม่สำคัญหรอกว่า “ความรัก” ที่ทำให้เราเสียน้ำตา
และบางทีก็ทำให้เรา “ทุกข์” ได้มากกว่า “สุข”มันจะใช่ “รัก” จริงๆ ไหม
ในเมื่อสิ่งที่สำคัญกว่าคือหากเลิกกัน
มันคือการเสียใจแค่ครั้งเดียว และความรักนิดเดียว
กับ เสียน้ำตามากมายมันแลกกันไม่ได้เลย
"ความรัก"ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด
แต่สิ่งที่เรามีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัวก็คือ "ความอดทน"
ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้อง "อดทน" กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง
เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน แต่ในทางตรงกันข้าม
เมื่อใดที่หมดรัก เมื่อนั้น "ความอดทน" ก็หาย
สิ่งใดที่เคยทนได้ ก็กลับเปลี่ยนไป
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ท้ายที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งก็ทอดทิ้งปล่อยให้ความรักนั้นต้องจบลง
บางครั้งความรักนั้นอาจจบลง ทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ
เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั่ง "ความอดทน" บอกให้เราต้องไป
ไปทั้งที่ยัง "รัก" เพราะหากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ
ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะหมายถึง
"การจากไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ ในวันข้างหน้า"
อย่างนั้นไม่ใช่หรือ . . หากรักแล้วต้องทนร้องไห้ไปตลอดชีวิต
เราก็จะเจ็บเพราะความรักไปตลอดชีวิต แต่หากเราร้องไห้วันนี้
แม้จะเจ็บกว่า แต่ก็จะเป็นความรู้สึกก็จะเจ็บไม่นาน ไม่กี่วันเราก็จะลืมไปเอง
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วว่า
จะร้องไห้ไปตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้ แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต
ที่มา : ผู้หญิงของความรัก