“ยูนิลิเวอร์” ทุ่มสุดตัว 200 ล้านซื้อลิขสิทธิ์รายการระดับโลกก็อต ทาเลนท์ จับมือพันธมิตร “เวิร์คพ้อยท์-โซนี่มิวสิค” ช่วยผลิต “ไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนท์” ยึดฟอร์แมตรายการเดิมแต่ผสานความเป็นไทย ตั้งเงินรางวัลยั่วน้ำลายคนมีความสามารถถึง 10 ล้านบาท
ถือเป็นรายการใหม่ที่จะให้คนไทยได้โชว์ความสามารถที่มีอยู่แบบเต็มที่อีกครั้ง สำหรับรายการ “ไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนท์” ที่ทางบริษัท ยูนิลิเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด นำโดย “นางวรรณิภา ภักดีบุตร” รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม ได้ควักกระเป๋ากว่า 200 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์รายการบันเทิงประกวดความสามารถอันดับ1 ที่ฮิตไปทั่วโลก และถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้วถึง 42 ประเทศอย่าง “ก็อต ทาเลนท์” จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นรายการที่คนไทยและทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี จากการแสดงความสามารถและแจ้งเกิดของ “ซูซาน บอยล์” ในปี 2009
โดยในครั้งนี้ทางยูนิลิเวอร์ฯได้จับมือกับ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เวิร์คพ้อยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” รวมถึง “มณฑิรา ลิมปนารมณ์” Executive Director - New Business & Development จากบริษัท โซนี่ มิวสิค เอนเทอร์เทนเมนต์ โอเปอร์เรติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันผลิตและนำมาเผยแพร่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ 43 และเป็นประเทศที่ 5 ของทวีปเอเชีย โดยใช้ชื่อว่า “Thailand’s Got Talent พรสวรรค์ บันดาลชีวิต” ออกอากาศทางฟรีทีวี ในช่วงต้นปี 2554
ซึ่งรายการไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนท์ จะเปิดโอกาสให้คนไทยทุกเพศ ทุกวัย ได้แสดงความสามารถทุกรูปแบบ โดยรูปแบบรายการจะเป็นฟอร์แมตเดียวกับรายการก็อต ทาเลนท์ ทั่วโลก คือจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือรอบคัดเลือก, รอบออดิชั่น, รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งในเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2553 จะเริ่มเปิดรับสมัครทั่วประเทศ และเดือนม.ค-ก.พ. 2554 จะเป็นรอบรองชนะเลิศ เพื่อคัดเลือก 12 คนหรือทีมสุดท้าย เข้ามาชิงชนะเลิศ ซึ่งรอบสุดท้ายจะแพร่ภาพทางฟรีทีวี โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับสถานีทีวีว่าจะเป็นช่องใด และจะใช้เวลาแข่งขัน 13 สัปดาห์ เพื่อหาผู้ชนะเลิศเพียงคนเดียว ที่จะมาจากการโหวตของผู้ชมทางบ้าน
ทั้งนี้ทางโซนี่ มิวสิคจะรับผิดชอบและสนับสนุนเพลงทั้งหมดที่ใช้ในการแสดง นอกจากนี้ผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ จะได้รับสิทธิ์เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัดของโซนี่ มิวสิค อีกด้วย ในส่วนของคณะกรรมการที่จะเป็นผู้ตัดสินประจำรายการ ประกอบด้วย นิรุตติ์ ศิริจรรยา, ภิญโญ รู้ธรรม และเบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา ส่วนพิธีกร ได้ 2 หนุ่มปากจัดอย่าง “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” และ “น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” ดำเนินรายการ
ซึ่งงานนี้ “นางวรรณิภา” ผู้บริหารจากยูนิลิเวอร์ เผยถึงเหตุผลที่ยอมทุ่มทุน 200 ล้านบาทในการซื้อลิขสิทธิ์รายการครั้งนี้ว่า
“ที่ลงทุนในครั้งนี้จริงๆ ก็ไม่ยากไม่ง่ายนะคะ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี เราก็เจรจามาได้ ก็ลงทุนไปเยอะเหมือนกันค่ะ ประมาณ 200 ล้าน อันนี้คือรวมทั้งหมดนะคะ ที่ลงทุนครั้งนี้เพราะปีหน้ายูนิลิเวอร์จะครบ 80 ปี และเราก็อยู่กับคนไทยมานาน และนำสิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ มาให้คนไทยเสมอ อันนี้ก็เป็นอีกอย่างนึงที่เราดีใจ ที่ได้นำรูปแบบรายการแบบใหม่ๆ เข้ามาในเมืองไทย”
“รูปแบบก็คงไม่ต่างจาก Got Talent ประเทศอื่นนะคะ นอกจากว่าเดี๋ยวคุณปัญญาคงช่วยได้ในการที่จะทำออกมาให้เหมาะกับวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของคนไทยมากขึ้น ก็คิดว่าเป็นโอกาสของคนไทยที่จะได้นำพรสวรรค์ที่มีอยู่ในรูปแบบอะไรก็ได้ไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุหรือว่าความสามารถมาแสดงออก และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราคิดว่ารายการอื่นให้ไม่ได้”
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรามีเงิน 200 ล้านแล้ว สามารถไปซื้อของเขามาได้เลยหรอกนะคะ คือเราก็ได้ร่วมมีพันธมิตรที่สำคัญและเป็นมืออาชีพ ที่สามารถทำให้รายการนี้ยิ่งใหญ่ได้ค่ะ จริงๆ รายการนี้เป็นรายการที่ถูกซื้อไปมากที่สุด และลิขสิทธิ์จริงๆ ก็ไม่ได้แพงอะไรมากมายนัก แต่ว่าความสามารถนำรายการนั้นมาใช้ให้ได้ดีที่สุด มีพันธมิตรที่เหมาะที่สุดและทำให้รายการนั้นเป็นที่ยอมรับมากที่สุดนั้น น่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่าที่ทำให้เราได้รายการนี้มาในวันนี้ค่ะ”
ทางด้าน “เสี่ยตา ปัญญา” เผยว่ารายการนี้จะเป็นอีกก้าวหนึ่งของบริษัท เวิร์คพ้อยท์ฯ และเป็นความท้าทายให้กับคนไทยทุกคน พร้อมยังมีการเตรียมถ่ายทำที่สตูดิโอแห่งใหม่ ที่รองรับคนดูได้มากถึง 1 พันคน
“ก็ถือว่าเป็นที่น่ายินดีนะครับ เพราะว่า 200 ล้านที่ทางยูนิลิเวอร์ลงไปมันก็ไม่ใช่น้อยเลย ถ้าเกิดไม่มีคนที่ใจดี ไม่มีคนที่กล้า ไม่มีคนที่ให้โอกาสคนที่อยากจะได้แสดงโอกาสต่างๆ มา มันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเกิดงานดีๆ ขึ้นได้ และสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่หลับแล้วนึกขึ้นมา อยากจะได้ อยากจะฝัน แม้กระทั่งผู้ที่จะทำให้เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งตัวท่านเองก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนี่จะเป็นโอกาสของเรื่องราว Thailand’s Got Talent ที่เกิดขึ้น เขามีมาแล้ว 42 ประเทศทั่วโลกนะครับ แล้วเราเป็นประเทศที่ 43 และเป็นประเทศที่ 5 ในเอเชีย ก็ถือว่าเป็นโอกาสแล้ว”
“ฉะนั้นหลายๆ คนที่จะมีโอกาสที่จะมาแสดงอะไรต่างๆ การที่จะลงทุนทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฉะนั้นภาพต่างๆ นี้มันเป็นภาพระดับสากลระดับโลกที่เกิดขึ้น ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดี และเราก็จะใช้ความเป็นวัฒนธรรมไทยของเรา ไปแสดงออกให้เขาเห็นว่าเราเก่งอย่างนี้ เราก็เป็นหนึ่งในโลกได้ หมายความว่าคนที่เข้ามาแข่งขันนะครับ คือส่วนกติกาก็คงเป็นสากล เป็นภาพรวมของทั้งหมด แต่พอดีของทางเวิร์คพ้อยท์ก็จะมีความหลากหลายในเรื่องราวของการจัดการประกวด ก่อนที่จะจัดการประกวด การเตรียมการ การที่จะดูแลฝูงชน ดูแลกลุ่มคน หรือว่าการที่จะจัดการเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้คนที่จะเข้ามาคัดเลือก ที่สมัครเข้ามา ที่หลากหลายรูปแบบ”
“อย่างเราเคยทำแฟนพันธุ์แท้ เราเคยทำรายการเด็ก เราเคยทำรายการเกี่ยวกับการแข่งขัน เกี่ยวกับลูกทุ่งและได้รางวัลอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นครั้งนี้มันจะเป็นระดับสากล มันจะเป็นการรวบรวมอีกหลายๆ รายการรวมกันอยู่ที่รายการนี้ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นกึ่งๆ วาไรตี้ มันจะไม่ใช่การร้องเพลงอย่างเดียว แต่มันหลากหลายรูปแบบ บางทีเราไม่รู้หรอกว่าอย่างระดับเรามันเหมาะหรือเปล่า ทาเลนท์ขนาดนี้เราจะเข้ามาอยู่ในเวที Thailand’s Got Talent ได้หรือไม่ คุณก็ลองดู”
“เรื่องของสตูดิโอของเรามีอยู่แล้ว เป็นสตูดิโอที่สร้างใหม่เลย เราใช้สตูดิโอ3ที่อยู่ในเวิร์คพ้อยท์ แล้วก็จะเป็นการถ่ายทอดสดออกไป ฉากต่างๆ ก็จะมีมาตรฐานจากทางอังกฤษเข้ามาดูแลควบคุมช่วยเหลือแนะนำเรา แล้วก็ประกอบกับสิ่งต่างๆ ที่เราจะทำไป มันก็จะมีหลากหลายรอบ ทั้งรอบคัดเลือก รอบที่จะเข้ามาคัดออก กรรมการจะตรวจเข้ม เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมามันจะเป็นความลงตัวของกรรมการและผู้ชม ที่จะร่วมกันโหวตด้วย”
“สิ่งที่ยากก็คงจะเป็นเรื่องราวของโปรดักชั่นที่จะทำออกมาเทียบเท่ากับสิ่งที่ต่างประเทศทำ และทางบริษัทแม่ได้ทำ ซึ่งขณะนี้เราทำงานมาอย่างหนักอยู่ตลอดเวลานะครับ และเราก็มีความมั่นใจมาก แต่สิ่งที่เรากำลังตื่นเต้นในขณะนี้ก็คือ เราอยากจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วคนๆ นั้นจะเป็นใคร 10 ล้านนะครับสำหรับรางวัล”
“ก็อยากจะเชิญชวนทุกท่านนะครับ หลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เป็นพรสวรรค์มันคืออะไร แต่หลายๆ ครั้งที่เราทำแล้วเรามีความสนุก มีความเก่งและมีความอยากที่จะทำสิ่งๆ หนึ่งต่างๆ เหล่านั้นก็คือพรสวรรค์ของท่าน ทุกรูปแบบเลยนะครับไม่ว่าคุณจะกระโดดตีลังกาเขียนรูป หรือว่าดนตรีไทย หรือว่าทุกรูปแบบ อะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าเรานี่เหนือกว่าคนอื่นแน่ สิ่งต่างๆ เหล่านี้คุณมาเสนอได้เลย อาจจะเป็นโอกาสของท่านในเรื่องของชื่อเสียง ความสำเร็จ รางวัล แล้วก็อาชีพของท่านด้วยครับ”
ที่มา: manager.co.th