ผลการสำรวจผู้คนที่เดินผ่านไปมาจำนวน 339 รายบนถนนอโศก พบว่า 100% ของชาวอโศกรู้จักเฟสบุ๊ก โดย 70% มีเฟสบุ๊กเป็นของตัวเอง และอีก 30% ไม่สนใจเฟสบุ๊กเลย ที่น่าสนใจคือการสำรวจพบว่า "วู้ดดี้ บอดี้สแลม และอภิสิทธิ์" คือคนดังที่ชาวอโศกอยากเป็นเพื่อนบนเฟสบุ๊กมากที่สุด
ผลการวิจัยนี้มาจากบริษัทวิจัยการตลาดนามบริษัท แอท แวนเทจ จำกัด โดยสุทธิพันธ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้บริหารสายงานวิจัย บริษัท แอท แวนเทจ จำกัด ระบุว่าเป็นการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงทิศทางการทำการตลาดบนเฟสบุ๊ก เนื่องจากตัวเลขผู้ใช้งานเฟสบุ๊กในประเทศไทยที่มีสูงเกือบ 6 ล้านราย ทำให้เจ้าของธุรกิจหลายรายเริ่มหันมาให้ความสนใจการทำตลาดผ่านช่องทางดังกล่าว
"บริษัทจึงได้ทำการสุ่มสำรวจข้อมูลประชาชน เพื่อให้ทราบถึงจำนวนผู้ใช้งานที่มีผลต่อการทำตลาดบนเฟสบุ๊ก โดยทำการสัมภาษณ์ผู้คนที่เดินผ่านไปมาจำนวน 339 ราย ย่านถนนอโศก อโศกถือเป็นบริเวณที่มีเป้าหมายครอบคลุมทุกกลุ่ม ด้วยจำนวนออฟฟิศ และความหลากหลายของธุรกิจ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นคนที่มีกำลังซื้อ และต้องการเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา"
ผลการสำรวจพบว่าคนดังที่ชาวอโศกอยากเป็นเพื่อนบนเฟสบุ๊กมากที่สุดคือ วู้ดดี้ วุฒิกร มิลินทจินดา 41% ลองลงมาคือ พอลล่า เทเลอร์ 38% และชมพู อารยา เอฮาร์เก็ต 34% ซึ่งผู้ใช้งานเฟสบุ๊กที่สนใจวู้ดดี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนนักศึกษา เพศหญิง ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี โดยมียอดคนติดตามแฟนเพจ 151,479 ราย
ในส่วนของนักร้องอันดับหนึ่งตกเป็นของวงบอดี้สแลม 48% กรูฟ ไรเดอร์ 31% และแทททู คัลเลอร์ 31% โดยผู้ใช้งานที่ชื่นชอบวง บอดี้สแลมส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยมากกว่า 85,000 บาทต่อเดือน มียอดคนติดตามแฟนเพจ 209,529 ราย
นักการเมือง อันดับหนึ่งตกเป็นของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สูงถึง 83% อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร 27% และกรณ์ จาติกวณิชย์ 16% ส่วนนักการเมืองที่ชาวอโศกอยาก Follow มากที่สุด แต่ไม่สามารถหาหน้าแฟนเพจได้คือเฉลิม อยู่บำรุง และจตุพร พรหมพันธุ์ อยู่ที่ 7% โดยผู้ใช้งานที่สนใจเฟสบุ๊กนายกอภิสิทธิ์ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทำงาน เพศหญิง ที่มีช่วงการศึกษาในระดับปริญญาตรี ถึงปริญญาโท มียอดคนติดตามแฟนเพจสูงถึง 482,993 ราย
"ไม่ว่าจุดประสงค์ของความต้องการเป็นเพื่อนกับคนดังบนเฟสบุ๊กจะเป็นอะไร แต่ในมุมของนักการตลาดถือว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นโอกาสทองในการใช้บุคคลดังกล่าวในการแนะนำ หรือสร้างความคุ้นเคยให้กับตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียดข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าดังกล่าว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการทำตลาดได้มากยิ่งขึ้นด้วย" สุทธิพันธ์กล่าว
** "เฟสบุ๊ก"ไม่ใช่คำตอบเสมอไป **
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเลขความนิยมเครือข่ายสังคมอย่างเฟสบุ๊กในเมืองไทย ทำให้นักธุรกิจและบริษัทโฆษณาหลายรายมองเห็นโอกาสทองของการทำการตลาดผ่านช่องทางดังกล่าว และเชื่อว่าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุดในขณะนี้ แต่การสำรวจชี้ว่า ไม่ใช่ว่าทุกธุรกิจจะประสบความสำเร็จในการทำตลาดบนเฟสบุ๊กเสมอไป เนื่องจากยังมีผู้ใช้งานอีกกว่า 30% ที่รู้จักเฟสบุ๊กแต่ไม่ให้ความสนใจกับเฟสบุ๊ก
สถิติที่น่าสนใจจากการสำรวจครั้งนี้คือ 100% ของชาวอโศกรู้จักเฟสบุ๊ก โดย 70% มีเฟสบุ๊กเป็นของตัวเอง แต่อีก 30% ก็ไม่สนใจเฟสบุ๊กเลย
"ผู้ใช้งานเฟสบุ๊กส่วนใหญ่มีอายุ 29-36 ปี คิดเป็น 36% และผู้ที่มีอายุมากกว่า 42 ปีมีความสนใจเฟสบุ๊กเพียง 2% นอกจากนี้ 86% ของผู้ใช้งานเป็นคนโสด 8% สมรส มีบุตรแล้ว และอีก 5% สมรสแล้วแต่ยังไม่มีบุตร"
ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหลายธุรกิจกำลังให้ความสนใจการทำตลาดบนเฟสบุ๊ก แต่ก็ใช่ว่าจะทุกธุรกิจจะประสบความสำเร็จเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจรักษาโรค ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เฟสบุ๊กในการทำการตลาด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงอายุ ที่ไม่ให้ความสนใจเฟสบุ๊กเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม สุทธิพันธ์มองว่าการทำตลาดบนเฟสบุ๊กด้วยการใช้ Adverts หรือการสร้างหน้าแฟนเพจ (Fan Page) เพื่อโปรโมทสินค้าของตนให้เป็นที่รู้จักนั้น การเกาะกระแสคนดังบนเฟสบุ๊กด้วยวิธีการกด Like ที่หน้าแฟนเพจยังเป็นไม้ตายที่ใช้งานได้ดี แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าของธุรกิจต้องรู้จักการนำเสนอเพจของตนให้สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคด้วย
"88.5% ของผู้ใช้งานเฟสบุ๊กย่านอโศก มีการติดตามคนดังอย่างน้อยหนึ่งคน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการศึกษาอยู่ที่ระดับปริญญาตรี และเป็นพนักงานบริษัทเอกชน โดย 44.8% ให้ความสนใจในการติดตามเพจของดารานักร้อง และ 31.9% สนใจคนดังทุกกลุ่ม (ดารา นักการเมือง นักธุรกิจ นักกีฬา นักสื่อสารมวลชน และพระภิกษุ)"
..ไม่แน่ว่าผลการสำรวจนี้ อาจทำให้พิธีกรวู้ดดี้ วงบอดี้สแลม และท่านายกฯอภิสิทธิ์ กลายเป็นพรีเซ็นเตอร์สุดฮ็อตบนเฟสบุ๊กในอนาคตก็ได้..
นายสุทธิพันธ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้บริหารสายงานวิจัย บริษัท แอท แวนเทจ จำกัด
ที่มา: manager.co.th
